“มอหินขาว” เป็นสวนหินธรรมชาติที่ค้นพบในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ ที่มีการกล่าวขานกันว่า เป็นสวนหินมีลักษณะเป็นแท่งที่วางเรียงรายคล้ายกับสวนหินสโตนเฮ้นจ์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าในประเทศเมืองนอกนั้นมีหน้าตาอย่างไร เอาเป็นว่าเราไปดูกันในเมืองไทยบ้านเราดีกว่า...
เส้นทางการค้นหาสวนหินธรรมชาติที่มีรูปทรงแปลกตานี้ ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ แต่อาจรู้จักเฉพาะในท้องถิ่นเท่านั้น ดูได้จากสภาพถนนหนทางที่เข้าไป ยังยากลำบาก ถ้าเป็นหน้าฝนต้องใช้รถ 4WD แต่ถ้าเป็นหน้าแล้งเป็นรถปิกอัพก็สามารถขึ้นไปได้
จากตัวเมืองชัยภูมิมุ่งหน้าไปยังน้ำตกตาดโตน ก่อนจะถึงด่านเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติตาดโตน จะมีทางแยกซ้ายไปยังบ้านแจ้งเจริญ บ้านวังน้ำเขียว จนไปถึงบ้านวังคำแคน ต่อจากนั้นก็เป็นเส้นทางที่ยากลำบากมากขึ้น จะเป็นเส้นทางที่ค่อยๆ ขึ้นเนินเขา เป็นทางดินเป็นหลุมเป็นร่องตามแนวร่องน้ำเซาะ
เรากำลังเดินทางขึ้นสู่แนวเทือกเขาภูแลนคาที่มีแนวสันเขาสูงขึ้นไปทางด้านตะวันตก ซึ่งสภาพสองข้างทางก็เป็นทุ่งโล่ง มีไร่มันสำปะหลัง ไม่มีเหลือสภาพป่าให้เห็นอีกแม้แต่น้อย เนื่องจากได้ผ่านกระบวนการทำลายป่าเพื่อเอาที่ดินเหล่านั้นเป็นพื้นที่เกษตรกรรม
ใช้เวลาขับรถมาไม่นานเราก็มองเห็นแนวสวนหินตั้งโดดเด่นในบริเวณทุ่งหญ้า สามารถมองเห็นได้แต่ไกล “มอหินขาว” ที่ปรากฏเห็นอยู่บ้างหน้าจะมีลักษณะเป็นแท่งสูงประมาณ 6-7 เมตร ปักตั้งเด่นบนพื้นดิน วางเรียงอยู่ 4 ต้น เป็นแนวขนานกับแสงตะวัน มีขนาดและรูปทรงที่แตกต่างกัน ซึ่งจัดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกมหัศจรรย์จริงๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกคนต้องแปลกใจว่าทำไมแท่งหินเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผุดตั้งขึ้นมาจากพื้นดิน ราวกับว่าเป็นดอกเห็ด อีกทั้งในบริเวณเดียวกันนั้นก็ไม่ได้มีสภาพภูมิประเทศเป็นลานหินแต่อย่างใด พื้นล่างเป็นดินทรายล้วนๆ มีทุ่งหญ้าปกคลุมอยู่ด้านล่าง
ประกอบกับแนวแท่งหินที่วางเรียงบนพื้นที่โล่ง ด้านหลังจะเป็นทิศตะวันตก เราจึงเลือกถ่ายกลุ่มมอหินขาวกลุ่มที่ 1 ในช่วงยามพระอาทิตย์จะตก เราจึงได้แสงสีทองที่สาดลงบนยอดหญ้า ประกอบกับมุมที่เลือกถ่ายจะเป็นภาพย้อนแสง จึงได้เห็นยอดหญ้าระยิบระยับ สร้างความโดดเด่นของกุ่มมอหินขาวให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามขึ้นมาได้
เส้นทางถนนดินตัดผ่านแนวด้านหน้าของมอหินขาว ฝั่งทางด้านตะวันออกยังมีแท่งหินขนาดใหญ่อีกแท่งหนึ่งวางอวดทรงท้าลมท้าแดดท้าฝน อยู่เคียงคู่กับกลุ่มหินหินขาวกลุ่มแรก ที่แสดงพลังมหัศจรรย์ในมุมมองไม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หากว่าเราไม่คิดทำการสำรวจในครั้งนี้ก็คงไม่ได้เห็นความมหัศจรรย์ของมอหินขาว
เลยจากมอหินขาวกลุ่มแรกขึ้นไปก็เป็นที่ราบ มีแค้มป์ปลูกป่า ที่มีทิวทัศน์ของเห็นแนวเทือกภูแลนคาได้กว้างขวาง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น จากหน่วยปลูกป่าขึ้นไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็จะพบกลุ่มหินอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มใหญ่พอประมาณสามารถมองเห็นได้แต่ไกลทีเดียว
เนื่องจากเป็นพื้นที่แห่งใหม่ ยังไม่ได้จัดระบบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ดังนั้นการจะพักค้างแรมกันสักคืนก็ต้องอาศัยเพิงพักของแค้มป์ปลูกป่า ต้องการเต็นท์กันเอง สะดวกหน่อยก็มีห้องน้ำห้องสุขา ถ้าหากจะอาบน้ำก็ไปลงลำธารที่อยู่ในหุบด้านหลังแค้มป์
ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของมอหินขาว เราก็ทราบจากเจ้าหน้าที่ของแค้มป์ปลูกป่าว่า ยังมีกลุ่มหินอีก 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่2 นั้นเราจะเห็นถัดไปจากแค้มป์ที่พักไปประมาณ 500 เมตร เนื่องจากเป็นทุ่งโล่งจึงสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ส่วนกลุ่มหินที่ 3 นั้นจะอยู่สุดแนวเขตสันเขา ในพื้นที่ส่วนนั้นจะเป็นป่าหินและมีหมู่ดอกไม้กล้วยไม้ที่ขึ้นกันหนาตาพอสมควร และยังมีจุดชมวิว ที่เรียกว่า “สุดแผ่นดิน” เช่นเดียวกับที่ป่าหินงาม
ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับแสง เราได้ขับรถขึ้นไปยังมอหินขาวกลุ่มที่ 2 ซึ่งจะเป็นเส้นทางลำลองสำหรับปลูกป่า ทางรถก็ผ่านกลุ่มสวนหินที่วางระเกะระกะมากมาย รูปทรงของหินก็มีรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่ว่าจะจินตนาการมองเห็นเป็นรูปใด
แสงสียามเย็นที่สาดกระทบตามหมู่โขดหิน ได้บังเกิดเป็นภาพที่ดูเด่นกว่าสภาพแสงตอนกลางวัน ยิ่งเราได้ขึ้นไปยืนอยู่มุมสูง และจึงมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบด้าน ลักษณะกลุ่มหินจะมีจำนวนมากกว่ากลุ่มแรก แต่ระดับความสูงน้อยกว่า เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ “มอหินขาว” ก็ต้องเป็นกลุ่มหินกลุ่มแรกที่อยู่ทางด้านล่าง
สำหรับบรรยากาศของป่าเทือกภูแลนคานี้ค่อนข้างสบาย เพราะมีสภาพโปร่งโล่ง ถ้าเป็นหน้าแล้งก็จะร้อนน่าดู เราเชื่อว่าอีกไม่นาน แหล่งท่องเที่ยวมอหินขาวแห่งนี้จะมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในแนว Unseen จนกลายเป็นที่นิยมอย่างเช่น ทุ่งกระเจียวที่ป่าหินงาม หรือทุ่งกระเจียวที่น้ำตกไทรทอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ เช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ย้อนลงมาถ่ายภาพมอหินขาวกลุ่มแรกอีกครั้ง ก็พบว่าสภาพบรรยากาศก็แตกต่าง มีสายหมอกลอยมาจากด้านตะวันออก แม้ว่าพระอาทิตย์ไม่ได้โผล่แสงออกมาตามที่ต้องการ แต่ก็ให้บรรยากาศของภาพที่สวยงามไม่น้อย
หลังจากอาหารเช้าแล้วทางเจ้าหน้าที่ของแค้มป์ปลูกป่าได้พาเราเข้าไปยังกลุ่มหินกลุ่มที่ 3 ที่รถเข้าไปส่งได้จุดหนึ่งแล้วต้องเดินเท้าเข้าไปยังป่าหินที่รกและซับซ้อน ทว่าในความซับซ้อนเหล่านั้นก็แฝงไปด้วยหมู่กล้วยไม้จำนวนมากมาย
สิงโตสมอหิน ที่เกาะขึ้นตามโขดหินมากมาย พร้อมกับผลิดอกบาน ซึ่งเราจะเลือกถ่ายเฉพาะดอกที่สวยและสมบูรณ์ที่สุด
ตามลานหินที่ชุ่มน้ำแฉะๆ เราได้พบกับดอกไม้สีเหลืองสดใสขึ้นเป็นกลุ่มหนาตา เป็นจำพวกสร้อยสุวรรณา ที่สวยเพริศแพร้วอยู่ตามลานหิน แม้กระทั่งเอื้องม้าวิ่ง ต่างก็ชูช่อล้อเล่นลม
นอกจากนี้ก็ยังมีดอกไม้อีกหลายชนิดที่ผลิบานรองรับในช่วงฤดูกาลนี้ ซึ่งเราก็พบว่ามันก็มีความหลากหลายอยู่หลายชนิด อีกทั้งยังมีจุดชมวิวที่ริมผา เหมือนกับจุดชมวิว “สุดแผ่นดิน” โดยมีเทือกด้านหนึ่งเป็นแนวเทือกเขาพญาฝ่อ
ถึงวันนี้ “มอหินขาว” คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีรูปทรงแปลกตา สามารถจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบของมุมมองแปลกใหม่ที่เราได้ค้นนำมาให้ชมกันว่า ในเมืองไทยของเรานั้นมีอะไรดีๆ อีกมากมาย เราเชื่อว่า “มอหินขาว” แห่งนี้ ต่อไปคงได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต่อไป
จากตัวเมืองชัยภูมิมุ่งหน้าไปยังน้ำตกตาดโตน ก่อนจะถึงด่านเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติตาดโตน จะมีทางแยกซ้ายไปยังบ้านแจ้งเจริญ บ้านวังน้ำเขียว จนไปถึงบ้านวังคำแคน
หากไม่แน่ใจก็ให้สอบถามเส้นทางจากชาวบ้านแถวนั้นได้เลย ทุกคนรู้จักดี ออกจากหมู่บ้านไป ก็เป็นเส้นทางที่ยากลำบากมากขึ้น จะเป็นเส้นทางที่ค่อยๆ ขึ้นเนินเขา เป็นทางดินเป็นหลุมเป็นร่องตามแนวร่องน้ำเซาะ รถปิ๊กอัพธรรมดาสามารถขึ้นไปได้
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น